หมดไฟ (Burnout) ทำไงดี
เคยมีอาการนี้กันมั้ยคะ ที่เหน็ดเหนื่อย เบื่อ ไม่มีแรงจูงใจ คิดอะไรไม่ออก ไม่อยากไปทำงาน
.
ภาวะเหล่านี้อาจเคยเกิดขึ้นกับเราทุกคน โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่มีความแข่งขันสูง เปลี่ยนแปลงบ่อย ทำให้คนทำงานสะสมความเครียดอย่างเรื้อรัง จนปรากฏเป็นภาวะหมดไฟในการทำงาน หรือ Burnout นั่นเอง
.
โดยปี 2019 องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศว่าภาวะหมดไฟ เป็นกลุ่มอาการที่เฉพาะเจาะจงเรื่องงานอาชีพ (Occupational) ทำให้เห็นว่าคนทำงานในปัจจุบันประสบปัญหานี้เป็นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
.
และถ้าเรากำลังหมดไฟในการทำงาน แต่ก็ยังจำเป็นต้องรับผิดชอบหน้าที่อยู่ จะทำยังไง ให้สามารถฟื้นกลับมาได้ Paula Davis (2021) ได้ให้คำแนะนำใน Forbes ไว้ดังนี้
.
#ประเมินว่าเรากำลังหมดไฟระดับไหน โดยสามารถสังเกตสัญญานหลัก 3 อย่าง คือ อาการหมดแรงเรื้อรัง เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากความหงุดหงิดรำคาญใจ และการขาดประสิทธิภาพในการทำงาน
.
โดยสำรวจตัวเองใน 1 เดือนที่ผ่านมาด้วยคำถามนี้
– อาการหมดแรง หรือรู้สึกท่วมท้นของเราเป็นยังไง
– เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากความรำคาญใจ เกิดขึ้นยังไงบ้าง
– เรารู้สึกยังไงกับประสิทธิภาพการทำงานของเรา
– เราสนุกกับงานมากน้อยแค่ไหน
.
#รับรู้สาเหตุของการหมดไฟในการทำงาน ที่อาจเกิดจากภาระงานที่มากเกินไป แต่เรามีทรัพยากรในการทำงานที่ไม่เพียงพอ อาจจะเริ่มเขียนภาระงานของเราออกมาเพื่อมอบหมายบางส่วนให้ผู้อื่น หรือจัดการเวลาในกิจกรรมต่างๆ ให้เหมาะสมขึ้น
.
ส่วนเรื่องของทรัพยากร สามารถสำรวจว่าควรเพิ่มอะไรบ้าง ด้วยคำถามนี้
– มีเครื่องมืออะไรบ้างที่จะเข้ามาช่วยให้กระบวนการทำงานได้ง่ายขึ้น เช่น flow chart, template หรือคำแนะนำการทำงาน ฯลฯ
– ใครที่สามารถช่วยเหลือเราได้บ้าง
– อะไรบ้างที่ทำให้เรามีความหวังในการทำงาน
– ประสบการณ์ที่ผ่านมา เมื่อเราเผชิญความท้าทาย สิ่งที่เราได้เรียนรู้คืออะไรที่นำมาใช้ได้, มีใครบ้างที่เผชิญความท้าทายคล้ายๆ กับเรา และสามารถช่วยเราได้
.
#สำรวจคุณสมบัติและความสามารถในการเผชิญความเครียดในการทำงาน เช่น ความสมบูรณ์แบบ ความเข้มแข็งทางจิตใจ การเผชิญความยากลำบาก ค่านิยมและความเชื่อของเรา ซึ่งการที่เราสามารถฟื้นจากอาการหมดไฟในการทำงานนั้นจะต้องเริ่มจากการตระหนักรู้ในตนเอง ว่าสิ่งที่เรายึดถือนั้นมีแนวโน้มจะนำเราไปสู่การหมดไฟในการทำงานได้
.
โดยสำรวจตนเองจากคำถามนี้
– ถ้าทำให้สมบูรณ์แบบไม่ได้ เราจะไม่ทำเลยดีกว่า
– ถ้างานนี้ไม่มีเรา ก็ไม่น่าจะไปได้ดี
– การขอความช่วยเหลือเป็นสัญลักษณ์ของความอ่อนแอ
– เราไม่กล้าปฏิเสธ หรือ….
– คำนิยมความสำเร็จของเราค่อนข้างจำกัด และก็มักจะต้องเปรียบเทียบกับคนอื่นเสมอ
– เราต้องทำตัวให้ยุ่ง เพื่อแสดงว่าเรามีคุณค่า เป็นที่ต้องการ ซึ่งความยุ่งนั้น เปรียบเสมือนสัญลักษณ์อันทรงเกียรติ
.
#การบอกเล่าออกมา บางครั้งอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะพูดในสิ่งที่เรารู้สึกไม่ดี หรือลำบากใจในการทำงาน กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ
.
ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้คือ เตรียมบทสนทนาที่เฉพาะเจาะจง ทักทายหัวหน้าบ่อยขึ้น และอาจแบ่งปันความรู้สึก เช่น
– เรารู้สึกยังไงที่ได้ดูแลงานนี้
– เราต้องการเวลาเพิ่มหรือไม่ที่จะทำงานให้สำเร็จ
– บริษัทเรามีนโยบายเรื่อง…หรือไม่
– เราขอย้ายไปทีมหรือแผนกอื่นได้หรือไม่
– เราต้องการอะไรเพื่อช่วยเหลืองานให้ดีขึ้นบ้าง
.
#เชื่อมโยงกันคุณค่าของตัวเรา (Values) การหมดไฟในการทำงาน เป็นเหมือนการถอดปลั๊ก หรือหมดใจจากงานอย่างเต็มที่ แต่ถ้าเราสามารถเชื่อมโยงคุณค่าที่เราให้ความสำคัญกับงานได้ อาจจะทำให้ฟื้นกลับมา
.
สามารถสำรวจตัวเราเองด้วยคำถามนี้
– ผลลัพธ์เชิงบวกอะไรบ้าง ที่เราสามารถสร้างให้กับโลกนี้ผ่านการทำงาน
– อะไรบ้างคือคุณค่าของเรา และทำยังไงให้คุณค่าเหล่านั้นดำเนินต่อไป
– ลูกค้า, ผู้รับบริการ หรือ คนไข้ของเรา จะบอกเล่าว่าเราช่วยเหลือเขายังไงบ้าง
.
ใครที่มีอาการหมดไฟในการทำงาน สามารถเริ่มสำรวจตัวเองได้ และเริ่มบริหารจัดการจากสิ่งที่เราควบคุมได้ อาจจะช่วยให้เราฟื้นคืนกลับมา มีไฟในการทำงานอย่างมีความสุข มีประสิทธิภาพ เพื่อส่งมอบคุณค่าภายในของเราให้กับผู้คนอีกมากมาย
.